เมื่อการโฆษณาผ่านโลกดิจิทัลไม่ใช่เรื่องที่ยุ่งยากอีกต่อไป ในปี 2021 ที่ผ่านมา Google Ads ได้อัปเดตฟีเจอร์ใหม่ๆ ให้ได้ลองใช้กันไปพอสมควรเพื่อให้นักการตลาดดิจิทัลใช้งานได้ง่ายขึ้น แน่นอนว่ารวมไปถึงการอัปเดตระบบ Conversions ที่ในครั้งนี้ กูเกิลให้ชื่อใหม่ว่า Google Enhanced Conversions ดังนั้นในบทความนี้ Relevant Audience จะพาทุกท่านไปทำความเข้าใจกับระบบวัดผลแบบใหม่ในการทำโฆษณาของ Google Ads กัน
Conversions คืออะไร สำคัญอย่างไรในตลาดดิจิทัล?
เคยสงสัยไหมว่า ในการยิงโฆษณาออกไป กูเกิลเอาข้อมูลอะไรมาวัดผลว่าควรจะดำเนินการอย่างไร? เราเรียกสิ่งนี้ว่า “Conversions” โดยกูเกิลได้นิยามความหมายของ Conversions เอาไว้ว่าเป็น “การกระทำอะไรก็ตามที่มีคุณค่าต่อธุรกิจหลังจากผู้คนโต้ตอบกับโฆษณา ไม่ว่าจะเป็นการซื้อผลิตภัณฑ์ ลงชื่อสมัครสมาชิก หรือดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน เมื่อเกิดการกระทำดังกล่าวขึ้นให้เรียกว่า Conversions” จะเห็นได้ว่าความหมายของ Conversions ที่กูเกิลนิยามความหมายไว้มีความสำคัญสำหรับนักโฆษณาเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นในแง่ของการนำไปวิเคราะห์ วัดผลหรือปรับเปลี่ยนแผนการตลาดตามแต่ละสถานการณ์
Enhanced Conversions ขั้นกว่าของการวัดผล
ในขณะที่คู่แข่งคนสำคัญอย่าง Facebook ได้ปล่อย Advance Matching มาตั้งแต่ปี 2016 ที่มาพร้อมกับฟีเจอร์ช่วยให้ธุรกิจของคุณสามารถเรียนรู้พฤติกรรมของลูกค้า รวมถึงใช้วัดผลลัพธ์ของการโฆษณาที่ถือได้ว่าเป็นการยกระดับในวงการโฆษณาดิจิทัล แน่นอนว่าในปี 2022 กูเกิลก็ไม่น้อยหน้า เพราะได้เปิดตัว Enhanced Conversions แบบเวอร์ชัน Beta มาให้ได้ทดลองใช้ ซึ่งมีหลักการทำงานที่คล้ายกัน คือการเรียนรู้พฤติกรรมของลูกค้าที่มีการโต้ตอบกับโฆษณา แต่จะรวมไปถึงการเก็บข้อมูลอีเมลและเบอร์โทรศัพท์ และพยายามจับคู่ข้อมูลที่ได้นั้นกับโฆษณาและเมื่อมีการซื้อขายเกิดขึ้นผ่านโฆษณานั้น ก็จะเป็นหน้าที่ของ Google Enhanced Conversions ทันที ยกตัวอย่าง เช่น
- คุณกำลังมองหาหมวกกันน็อกของจักรยานสักหนึ่งใบ ในขณะที่คุณทำงานและใช้อีเมลในคอมพิวเตอร์ของบริษัท คลิกโฆษณาของร้านจักรยานที่เด้งขึ้นมาบนหน้า Browser แต่คุณยังไม่ได้ตัดสินใจจะซื้อในตอนนั้นทันที
- เมื่อคุณกลับถึงบ้าน และใช้โทรศัพท์มือถือและอีเมลส่วนตัว ในการตัดสินใจซื้อหมวกกันน็อก นี่จะเป็นกระบวนการทำงานของ Enhanced Conversions ทันที กล่าวคือ เมื่อคุณป้อนที่อยู่อีเมล ที่อยู่สำหรับจัดส่ง เบอร์โทรศัพท์ในขั้นตอนการสั่งซื้อ ข้อมูลเหล่านี้จะถูกส่งกลับไปยังกูเกิล ถึงแม้คุณจะใช้ 2-Factor Authentication (การล็อกอินด้วยการใช้เบอร์โทรศัพท์สองชั้น ในที่นี้หากคุณใช้เบอร์โทรศัพท์ของที่ทำงานและเบอร์ส่วนตัว ข้อมูลเหล่านี้ก็จะถูกส่งไปให้กูเกิลเช่นกัน)
Data Privacy เป็นอย่างไร ?
ในปี 2022 เทรนด์การยกเลิกการเก็บข้อมูลผู้ใช้งานแบบ Third-Party Cookie ถูกแทนที่ด้วยการเก็บข้อมูลแบบ First-Party Data ทำให้คนทำโฆษณาออนไลน์หลายรายต้องปวดหัวไม่น้อยกับการปรับตัวมาเก็บข้อมูลผู้ใช้งานใหม่ กูเกิลจึงเร่งให้นักพัฒนาสร้าง Google Enhanced Covnersions ขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์กับการโฆษณาแบบ Next Gen เพื่อวิเคราะห์แผนการตลาดและในขณะเดียวกันก็ต้องมีความปลอดภัยที่สูงต่อผู้ใช้งาน ให้นักโฆษณาได้รับประสิทธิภาพที่สูงในการนำข้อมูลมาถึงตอนนี้หลายคนอาจตั้งคำถามถึงนโยบายความเป็นส่วนตัวของข้อมูลส่วนบุคคลที่จะถูกกูเกิลดึงข้อมูลไปใช้ใน Google Enhanced Conversions กูเกิลระบุว่า ลูกค้าสามารถควบคุมข้อมูลของตัวเองได้ และมีการเข้ารหัสข้อมูลผ่านรหัสมาตรฐานที่กูเกิลเรียกว่า “Hashed Form Encrypting with The SHA-256” ทำให้มีเพียงกูเกิลที่สามารถเข้าถึงข้อมูลนี้ได้เท่านั้น
การมาถึงของ Enhanced Conversions จะทำให้นักโฆษณามีข้อมูลเพื่อนำไปใช้สร้างแคมเปญโฆษณาให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อกระตุ้นการสร้างยอดขายผ่านแคมเปญโฆษณาเพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดต่อธุรกิจของคุณ และต้องไม่ลืมว่านี่เป็นเพียงเวอร์ชัน Beta เท่านั้น ในอนาคตกูเกิลอาจใช้เป็นฟีเจอร์มาตรฐานหรือไม่ก็ได้ หากในอนาคต Google Ads มีลูกเล่นอะไรเพิ่มเติม Relevant Audience จะนำความรู้มาบอกเล่าให้ฟังกันอีกแน่นอน
รับปรึกษาการทำ Google Ads ที่ Relevant Audience
Relevant Audience บริษัทที่ให้บริการเกี่ยวกับ Digital Performance Marketing Agency โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อให้บริการด้านการตลาดดิจิทัล ให้ธุรกิจเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่กำลังมองหาผลิตภัณฑ์หรือบริการในเวลา สถานที่ และอุปกรณ์ที่เหมาะสม ผ่านช่องทางออนไลน์ต่างๆ บริการของเราครอบคลุมทั้ง Search Marketing, Social Media Ads, Search Ads และ SEO (Search Engine Optimization) ไปจนถึง Influencer Marketing และยังเป็นส่วนหนึ่งในโปรแกรม Google Partners อีกด้วย
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
โทร.: 02-038-5055
อีเมล: info@relevantaudience.com
เว็บไซต์: www.relevantaudience.com