“เว็บไซต์” เป็นหนึ่งในกลยุทธ์การตลาดที่มีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปี 2023 นี้ ที่ทุกคนกำลังอยู่ท่ามกลางโลกดิจิทัล ไม่ว่าจะธุรกิจขนาดเล็กหรือใหญ่ต่างต้องมองหาลู่ทางในการสร้างตัวตนบนโลกออนไลน์ การมีเว็บไซต์เป็นของตัวเองจะช่วยให้ธุรกิจมีความโดดเด่นมากขึ้น และยังส่งผลดีหลายๆ ด้านให้กับธุรกิจในระยะยาว
อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญคือผู้ประกอบการหรือใครที่กำลังวางแผนอยากมีเว็บไซต์ ต้องรู้ก่อนว่า อะไรคือสิ่งที่ต้องการจากเว็บไซต์? จุดประสงค์คืออะไร และกลุ่มเป้าหมายเป็นใคร? ซึ่งจะช่วยให้เลือกประเภทของเว็บไซต์ได้ถูกต้อง เพราะแต่ละประเภทของเว็บไซต์ก็มีความเหมาะสมกับธุรกิจที่แตกต่างกันไป จากการศึกษาของ Adobe พบว่า 38% ของผู้คนทั่วไป จะออกจากเว็บไซต์ทันทีหากพบว่าเนื้อหาหรือเลย์เอาต์ของเว็บไซต์ไม่น่าสนใจ ดังนั้นในบทความนี้ Relevant Audience จะพานักการตลาดและใครที่อยากมีเว็บไซต์มารู้จักประเภทของเว็บไซต์ต่างๆ ที่เห็นกันอยู่ในปัจจุบัน ถ้าพร้อมแล้ว ไปดูกันเลย
1. เว็บไซต์ eCommerce
เว็บไซต์ประเภทแรกที่หยิบมาแนะนำให้รู้จักกันนี้ เชื่อว่าหลายคนน่าจะคุ้นเคยกันดีหรือใครที่ไม่รู้จักมาก่อนก็อาจจะเคยเข้าไปใช้งานไปแบบไม่รู้ตัว เพราะเว็บไซต์ eCommerce เป็นเว็บไซต์ประเภทที่มีจุดประสงค์อย่างเดียวที่ชัดเจนมาก นั่นคือการ ”สร้างขึ้นเพื่อขายสินค้าโดยตรง” ทำให้โครงสร้างหรือเลย์เอาต์ของเว็บไซต์จะโดดเด่นในการนำเสนอสินค้า รายละเอียดต่างๆ อาจจะมีแคตตาล็อกออนไลน์ที่ถูกจัดเป็นหมวดหมู่ให้ผู้ที่เข้ามาได้ใช้งานในการเลือกดูสินค้าต่างๆ ที่สำคัญเลยคือเว็บไซต์จะต้องมีระบบที่เอื้อต่อการทำธุรกรรมผ่านเว็บไซต์ได้โดยตรงและมีความปลอดภัยสูง ทั้งการชำระเงินในรูปแบบอนไลน์ มีตะกร้าสินค้า เชื่อมต่อกับระบบขนส่งสินค้า เป็นต้น
2. เว็บไซต์สำหรับธุรกิจ
เว็บไซต์สำหรับธุรกิจหรือ Business Website โดยส่วนใหญ่แล้วมักจะถูกใช้สำหรับธุรกิจที่ต้องการโปรโมตตัวเองในทุกๆ มิติ ไม่ว่าจะเป็นประวัติความเป็นมา โครงสร้างองค์กร ทีมงาน สินค้าและบริการที่มี กิจกรรม ข่าวสาร บทความ โดยจะมีความแตกต่างกับ eCommerce Website เพราะจุดประสงค์ของเว็บไซต์สำหรับธุรกิจไม่ได้มีเป้าหมายที่ขายสินค้า แต่จะเน้นในเรื่องของการแนะนำผู้คนให้รู้จักภาพรวมของธุรกิจ
3. บล็อกเว็บไซต์
สำหรับบล็อกเว็บไซต์แต่เดิมจะเป็นการสร้างเว็บไซต์โดยมีเป้าหมายในการแชร์เคล็ดลับ เทคนิค หรือเนื้อหาที่เป็นความรู้ในด้านต่างๆ อาจเป็นบทความที่เจ้าของเว็บไซต์สร้างขึ้นมาเองทั้งหมด หรืออาจเป็นบล็อกที่รวมให้คนอื่นๆ เข้ามาแบ่งปันก็ได้ โดยส่วนใหญ่แล้วโครงสร้างของ Blog Website ก็จะเน้นการวางเลยเอาท์ให้ดูสบายตา แต่ในปัจจุบัน Blog Website มักถูกรวมเข้ากับเว็บไซต์สำหรับธุรกิจ เพราะเป็นประโยชน์ในการทำ SEO หรือ Search Engine Optimization ที่เป็นกลยุทธ์การตลาดช่วยให้เว็บไซต์มีโอกาสติดอันดับการค้นหาบน Google ได้นั่นเอง
4. Portfolio Website
เว็บไซต์ประเภทนี้ส่วนใหญ่จะเห็นค่อนข้างน้อย เพราะไม่ได้ถูกนำมาใช้ในเชิงธุรกิจหรือเพื่อความบันเทิงเหมือนเว็บไซต์ประเภทอื่นๆ โดย Portfolio Website แปลตรงตัวเลยก็คือเป็นเว็บไซต์ที่เอาไว้เก็บข้อมูลผลงานส่วนตัว อาจจะมีเพื่อใช้ประโยชน์ในการสมัครงานหรือเป็นการสร้างเครดิตให้กับตัวเองเป็นหลัก
5. Online Forum
เชื่อว่าคนไทยหลายคนน่าจะคุ้นเคยกับเว็บไซต์ประเภทนี้เป็นอย่างดี ใครที่ยังนึกไม่ออกลองถามตัวเองว่าเคยเข้าเว็บไซต์อย่าง Pantip, Soccersuck, Dek-D หรืออย่างเว็บไซต์ของฝรั่งอย่าง Reddit โดยเว็บไซต์เหล่านี้เป็น Online Forum หรือเว็บไซต์สำหรับชุมชนออนไลน์ที่จะมีการตั้งเป็นกระทู้ถาม-ตอบ ในหลากหลายหัวข้อตามความสนใจ
ทิ้งท้าย
รู้อย่างนี้แล้ว ใครที่กำลังวางแผนในการสร้างเว็บไซต์เป็นของตัวเอง เพื่อใช้โปรโมตธุรกิจ หรือใช้ประโยชน์ในด้านต่างๆ ก็อย่าลืมตั้งเป้าหมายก่อนว่าจะสร้างเว็บไซต์ประเภทไหน มีทิศทางอย่างไร เป้าหมายคืออะไร หรืออาจจะมีการผสมผสานเว็บไซต์ประเภทต่างๆ เข้าด้วยกันก็ถือเป็นการเพิ่มความน่าสนใจให้กับเว็บไซต์ได้มากขึ้น
รับปรึกษาการทำ Digital Marketing ที่ Relevant Audience
Relevant Audience บริษัท Digital Performance Marketing Agency ที่ให้บริการด้านการตลาดดิจิทัล โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อให้ธุรกิจของคุณเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่กำลังมองหาผลิตภัณฑ์หรือบริการในเวลา สถานที่ และอุปกรณ์ที่เหมาะสม ผ่านช่องทางออนไลน์ต่างๆ บริการของเราครอบคลุมทั้ง Search Marketing, Social Media Ads, Search Ads และ SEO (Search Engine Optimization) ไปจนถึง Influencer Marketing และยังเป็นส่วนหนึ่งในโปรแกรม Google Partners อีกด้วย
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
โทร.: 02-038-5055
อีเมล: info@relevantaudience.com
เว็บไซต์: www.relevantaudience.com