จากการประกาศในงาน Google I/O Event ในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา กูเกิลได้ประกาศเปิดตัว “My Ad Center” ที่เป็นเครื่องมือควบคุมโฆษณา ให้ผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตสามารถเลือกปรับได้ว่าอยากเห็นโฆษณาแบบไหน อยากเห็นโฆษณาในหัวข้ออะไร เพื่อเป็นการเสริมประสบการณ์ในการรับชมโฆษณาบนเครือข่ายของ Google ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยจะเข้ามาแทนที่ฟีเจอร์ “Ad Setting” หรือ “About This Ad” ที่เป็นป๊อปอับเล็กๆ เวลาที่จะกดปิดโฆษณา
และล่าสุดกูเกิลก็ได้ประกาศใช้งาน My Ad Center อย่างเต็มรูปแบบแล้ว มาลองย้อนดูกันหน่อยดีกว่าว่าฟีเจอร์ต่างๆ My Ad Center จะมีอะไรที่น่าสนใจและเป็นประโยชน์ต่อผู้ใช้งานบ้าง และแบรนด์หรือนักการตลาดจะต้องเตรียมตัวรับมืออย่างไร ในบทความนี้ Relevant Audience ได้รวบรวมรายละเอียดมาให้รับชมไปพร้อมกัน มาดูกันเลย
ควบคุมโฆษณาบน Google ผ่านฟีเจอร์ My Ad Center
อย่างที่รู้กันดีว่าเทรนด์ในเรื่องของ Data Privacy ถือเป็น First Priority ของแบรนด์หรือธุรกิจที่ต้องการทำโฆษณาผ่านการตลาดออนไลน์ โดยยึดผู้บริโภคหรือผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตทั่วไปเป็นศูนย์กลาง ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าเว็บไซต์ที่เก็บสถิติหรืองานวิจัยที่เชื่อถือได้ต่างระบุตรงกันว่า Digital Consumer ในปัจจุบันราว 48% จะหยุดใช้บริการแพลตฟอร์มดิจิทัล หากบริษัทหรือแบรนด์นั้นๆ มีปัญหาเรื่อง Data Privacy
ด้วยเหตุนี้จึงไม่แปลกใจที่กูเกิลตัดสินใจเปิดตัวฟีเจอร์อย่าง My Ad Center เข้ามาช่วยลดทอนปัญหาดังกล่าว โดยจะช่วยให้ผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตสามารถปรับแต่งประสบการณ์การรับชมโฆษณาได้ตามความต้องการในการใช้งานเครือข่ายต่างๆ ของ Google ไม่ว่าจะเป็นตัว Search Engine หรือ YouTube ก็สามารถเลือกได้เองเลยว่าอยากเห็นโฆษณาประเภทใด
สามารถเข้าถึง My Ad Center ได้โดยตรงจากโฆษณาบนเครือข่ายต่างๆ ของกูเกิล ไม่ว่าจะเป็น Google Search, YouTube หรือ Google Discovery จากนั้นสามารถตั้งค่า หรือปรับแต่งโฆษณาได้ทันที ยกตัวอย่างเช่น หากคุณกำลังมีแพลนไปเที่ยวประเทศเกาหลีและกำลังหาข้อมูลต่างๆ อาจจะมีโฆษณาทริปการท่องเที่ยวต่างๆ เด้งเข้ามาให้เห็นเพื่อช่วยในการตัดสินใจ แต่เมื่อคุณได้ไปเที่ยวและกลับมาแล้วก็ยังพบเห็นโฆษณาเหล่านั้นอีกแทนที่จะเป็นประโยชน์ แต่กลับกลายเป็นสร้างความรำคาญใจแทน ด้วย My Ad Center สามารถที่จะเลือกปรับแต่งโฆษณาเหล่านั้นให้แสดงน้อยลงหรือไม่ให้แสดงอีกเลยก็ได้ โดยข้อดีของ My Ad Center ยังมีอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น
- สามารถเลือกประเภทของโฆษณาที่ตรงกับความสนใจ ณ ช่วงเวลานั้นได้
- สามารถจำกัดการมองเห็นโฆษณาประเภทเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อาหารลดน้ำหนักได้
- เลือกปิดโฆษณาบางหมวดหมู่ได้
- สามารถเข้าถึงข้อมูลการโฆษณานั้นๆ ได้ว่ามีที่มาจากบริษัทอะไร
- สามารถสร้างปฏิสัมพันธ์กับโฆษณาได้ เช่น Like, Block, Report
- สามารถจัดการ Privacy ต่างๆ ได้ ไม่ว่าจะเป็นแหล่งข้อมูลที่จะแชร์กับแบรนด์ และสามารถเลือกปิดได้
ทิ้งท้าย
My Ad Center ถือเป็นอีกหนึ่งฟีเจอร์ที่เป็นความพยายามที่ดีของกูเกิลในการอนุญาตให้ผู้ใช้งานได้รักษาความเป็นส่วนตัวของข้อมูล เพราะผู้ใช้งานทั่วไปไม่เพียงแต่จะสามารถเลือกปรับการรับชมโฆษณาได้ตามความต้องการ แต่ในฐานะของแบรนด์หรือนักการตลาดออนไลน์แล้วยังสามารถใช้ประโยชน์จากองค์ประกอบต่างๆ เช่น หัวข้อในการเลือกรับชมโฆษณา สามารถนำไปปรับใช้กับการสร้างแคมเปญที่ให้ตรงกับความสนใจของผู้รับชมได้มากขึ้น ถือว่าเป็นการยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวของกูเกิลที่ดี อย่างไรก็ตาม ก็ต้องรอดูกันต่อไปว่าแผนการนี้ของกูเกิลจะประสบความสำเร็จตามที่ตั้งใจเอาไว้หรือไม่ หากมีความคืบหน้าหรือมีอัปเดตอะไรเพิ่มเติม Relevant Audience จะนำข่าวสารและเคล็ดลับดีๆ มาฝากกันอีกแน่นอน
Source: Google Blog
รับปรึกษาการทำ Digital Marketing ที่ Relevant Audience
Relevant Audience บริษัทที่ให้บริการเกี่ยวกับ Digital Performance Marketing Agency โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อให้บริการด้านการตลาดดิจิทัล ให้ธุรกิจเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่กำลังมองหาผลิตภัณฑ์หรือบริการในเวลา สถานที่ และอุปกรณ์ที่เหมาะสม ผ่านช่องทางออนไลน์ต่างๆ บริการของเราครอบคลุมทั้ง Search Marketing, Social Media Ads, Search Ads และ SEO (Search Engine Optimization) ไปจนถึง Influencer Marketing และยังเป็นส่วนหนึ่งในโปรแกรม Google Partners อีกด้วย
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
โทร.: 02-038-5055
อีเมล: info@relevantaudience.com
เว็บไซต์: www.relevantaudience.com