ไฮไลท์ในบทความ
- Core Web Vitals เป็นอัลกอริทึมของ Google ที่จะช่วยวัดประสิทธิภาพของเว็บไซต์ ตั้งแต่เวลาในการโหลดหน้าเว็บ การโต้ตอบ และความเสถียร
- Chrome Team จาก Google ใช้เวลา 1 ปีเพื่อรวบรวมเคล็ดลับในการปรับแต่งเว็บไซต์ให้ตรงตาม Core Web Vitals
ก่อนหน้านี้ Google ได้เปิดตัวอัลกอริทึม Core Web Vitals ที่เป็นเมตริกชี้วัดเวลาในการโหลดของเว็บไซต์ การโต้ตอบ และความเสถียร Layout ของเว็บไซต์ โดยมุ่งหวังให้ผู้ใช้งานได้รับประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถือเป็นเรื่องยากสำหรับนักการตลาดมือใหม่ที่ไม่ได้มีความรู้ในเชิงเทคนิคมากนักสำหรับการปรับเว็บไซต์ให้ถูกต้องตามหลักของ Core Web Vital ซึ่ง Google รู้ถึงเรื่องนี้ดี (อยากติดหน้าแรก SEO? ต้องรู้จัก Core Web Vitals)
ทำให้ล่าสุดใน Google Blog ได้แชร์เคล็ดลับจาก Chrome Team ที่กูเกิลเคลมว่าจะสามารถเป็นไอเดียตั้งต้นหรือสามารถนำไปปรับใช้ได้กับการปรับปรุงเว็บไซต์ส่วนใหญ่ได้อย่างมีประสิทธิภาพตรงตามอัลกอริทึมของกูเกิล ในบทความนี้ได้รวบรวมเคล็ดลับดังกล่าวมาให้ทุกคนรู้ไปพร้อมกัน ถ้าพร้อมแล้ว เริ่มกันเลย
ปรับปรุงเมตริก Largest Contentful Paint (LCP)
Largest Content Paint หรือ LCP เป็นเมตริกที่เป็นส่วนหนึ่งของ Core Web Vitals โดยมีหน้าที่ตรวจวัดว่าเว็บไซต์มีอัตราการดาวน์โหลดเป็นอย่างไร ช้าหรือเร็ว โดยจะโฟกัสไปที่คอนเทนต์หรือส่วนต่างๆ ของเว็บไซต์ ในบล็อกของกูเกิลระบุว่า เว็บไซต์ส่วนใหญ่ชอบตกม้าตายในเรื่องนี้ เพราะในปัจจุบันมีเว็บไซต์เพียงครึ่งเดียวเท่านั้นที่ตรงตามนเกณฑ์ของ LCP สำหรับเคล็ดลับจากกูเกิลทีมในการปรับปรุง LCP มีดังนี้
- LCP Resources ต้องตรวจพบได้ง่ายผ่าน HTML Source
จากข้อมูลของ Web Almanac ในปี 2022 ในส่วนของ HTTP Archive พบว่า 72% หน้าเว็บไซต์สำหรับมือถือที่มีรูปภาพเป็นคอนเทนต์หลักของหน้าเว็บ หากต้องการปรับปรุง LCP จำเป็นที่จะต้องทำให้รูปภาพนั้นโหลดได้อย่างรวดเร็วมากขึ้น ดังนั้นเคล็ดลับคือ หาก Resource ของหน้าเว็บมีรูปภาพเป็นหลัก ก็ควรที่จะให้ความสำคัญกับ URL ของรูปภาพเสมอ เพื่อให้ระบบอัลกอริทึมสามารถตรวจสอบเนื้อหาได้ในทันที
- จัดลำดับความสำคัญของ LCP Resources
กูเกิลแนะนำให้จัดลำดับความสำคัญ LCP Resources ให้ดี ระมัดระวังในการใช้ Lazy Load (คือการทำให้รูปโหลดขึ้นมาเมื่อต้องใช้เท่านั้น) รวมถึงการใช้ แท็กประเภท <img>, <script>, <head> ที่อาจส่งผลให้การโหลดทรัพยากรช้าลงได้
- ใช้ CDN เพื่อลดเวลาการโหลด
Content Delivery Network หรือ CDN เป็นชื่อเรียกเครือข่ายเซิร์ฟเวอร์ที่เชื่อมต่อกันเพื่อเเพิ่มลดเวลาแฝงหรือลดความล่าช้าของการรับส่งข้อมูลระหว่างเว็บไซต์กับผู้ใช้งาน โดยกูเกิลระบุเอาไว้ว่าในทางเทคนิคแล้วการใช้ CDN จะมีประสิทธิภาพในการช่วยให้เว็บไซต์ตรงตามเกณฑ์ของ LCP ได้ดีมากขึ้น
ปรับปรุงเมตริก Cumulative Layout Shift (CLS)
CLS เป็นเมตริกที่เป็นส่วนหนึ่งของ Core web Vitals ที่ใช้ในการประเมินความเสถียร Layout ของเว็บไซต์ จากข้อมูลของ Google ระบุว่าปัจจุบันมีเว็บไซต์ประมาณ 25% ที่ไม่ผ่านเกณฑ์นี้
- กำหนด Lay Out สำหรับ Page Content ให้ชัดเจน
ปัญหาความสเถียรของ Layout ในหน้าเว็บไซต์เป็นเรื่องสำคัญสำหรับเมตริก CLS ไม่ว่าจะเป็นปัญหาที่เว็บไซต์มีปุ่มเลื่อนไปมาตลอด ตัวข้อความขนาดไม่เท่ากัน ข้อความเอียงเกินไป หรือรูปภาพมีขนาดไม่เหมาะสม ดังนั้นหากพบว่าค่า CLS ต่ำ ก็ควรปรับปรุงทันที เช่น ปรับขนาดรูปภาพให้เท่ากันทุกรูป เปลี่ยนฟ้อนต์ใหม่ ให้อ่านง่ายมากขึ้น เป็นต้น
ปรับปรุงเมตริก First Input Delay (FID)
FID เป็นหน่วยวัดการโต้ตอบ/การตอบสนอง เมื่อเว็บไซต์มีการโหลดหน้าใดๆ ตั้งแต่ครั้งแรก เช่น การโหลดหน้าเว็บไซต์ การเปลี่ยนหน้าไปหน้าอื่น ว่ามีอาการหน่วงๆ ช้าหรือไม่
- ปรับ Script ต่างๆ ของเว็บไซต์
ส่วนใหญ่แล้วปัญหาส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นจาก สคริปต์ต่างๆ เป็นหลัก ทั้งจากตัวเว็บไซต์และสคริปต์เพิ่มเติมจากปลั๊กอินต่างๆ ดังนั้นวิธีเบื้องต้นที่จะช่วยได้คือ ให้ใช้สคริปต์หรือติดตั้งปลั๊กอินเท่าที่จำเป็นเท่านั้น โดยเฉพาะปลั๊กอินประเภทที่ไม่ค่อยมีการอัปเดต ส่วนไหนที่ไม่ได้ใช้แล้วก็ปิดหรือนำออก อย่างไรก็ตามในส่วนของหัวข้อนี้อาจจะจำเป็นต้องพึ่งทีมพัฒนาเว็บไซต์จะดีที่สุด เพราะมีรายละเอียดที่ลงลึกค่อนข้างมาก หากไม่ได้มีความรู้ความเชี่ยวชาญที่มากพอ
ทิ้งท้าย
Core Web Vitals เป็นหนึ่งในอัลกอริทึมที่สำคัญของกูเกิลเพื่อมอบประสบการณ์ที่ดีที่สุดในกับผู้ที่ใช้งานเว็บไซต์ และส่งผลต่อการทำ SEO โดยตรง อย่างไรก็ตาม Core Web Vital ก็เป็นเพียงปัจจัยหนึ่งเท่านั้น เพราะการจัดอันดับเว็บไซต์ของกูเกิลยังมีอัลกอริทึมอีกหลายตัว อย่างการดูเนื้อหาคอนเทนต์ต่างๆให้มีคุณภาพและประโยชน์ต่อผู้อ่าน หวังว่าเนื้อหาในบทความจะพอช่วยเหลือการปรับปรุงเว็บไซต์ให้มีประสิทธิภาพที่ดีขึ้นบ้าง สำหรับใครที่อยากอ่านเคล็ดลับหรือเทคนิคดีๆ เกี่ยวกับการทำ SEO ก็สามารถเข้ามาอ่านใน Blog ของเราเพิ่มเติมได้เลย
รับปรึกษาการทำ Digital Marketing ที่ Relevant Audience
Relevant Audience บริษัทที่ให้บริการเกี่ยวกับ Digital Performance Marketing Agency โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อให้บริการด้านการตลาดดิจิทัล ให้ธุรกิจเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่กำลังมองหาผลิตภัณฑ์หรือบริการในเวลา สถานที่ และอุปกรณ์ที่เหมาะสม ผ่านช่องทางออนไลน์ต่างๆ บริการของเราครอบคลุมทั้ง Search Marketing, Social Media Ads, Search Ads และ SEO (Search Engine Optimization) ไปจนถึง Influencer Marketing และยังเป็นส่วนหนึ่งในโปรแกรม Google Partners อีกด้วย
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
โทร.: 02-038-5055
อีเมล: info@relevantaudience.com เว็บไซต์: www.relevantaudience.com