Blog

นักการตลาดมือใหม่หลายคนที่กำลังเริ่มต้นทำ Content Marketing อยู่ คงมีคำถามมากมายว่าจะเริ่มต้นอย่างไรดี เพราะมีข้อมูลเต็มไปหมดแต่ไม่รู้จะสื่อสารอย่างไรให้คนทั่วไปเข้าใจได้แบบไม่ยาก พอไปถามผู้เชี่ยวชาญ ก็มีแต่คนแนะนำว่าให้ลองทำเป็น ”อินโฟกราฟิก” แต่เชื่อได้เลยว่าหลายคนก็ยังไม่มั่นใจว่าจะได้ผลลัพธ์ตามที่คาดหวังไว้หรือเปล่า สำหรับใครที่กำลังกังวลเกี่ยวกับการทำอินโฟกราฟิกว่ามันจะดู “Out of Trend” ไปแล้วหรือยัง? ต้องบอกอย่างนี้ว่ามีการสำรวจจากหลายสื่อในแวดวงการตลาดออนไลน์ที่ระบุว่าปัจจุบันในหมู่ของนักการตลาดแบบ B2B ใช้งานอินโฟกราฟิกเพิ่มขึ้นมากที่สุด 67% ในรอบ 4 ปีที่ผ่านมา และ 49% ของนักการตลาดให้คะแนนกับการทำ

ใครก็ตามที่กำลังเริ่มต้นทำการตลาดผ่านแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียอย่างอินสตาแกรม คงมีความรู้สึกสับสนและไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไรให้มีผลลัพธ์ที่ดีใช่หรือไม่? ด้วยการที่ตัวแพลตฟอร์มมีการอัปเดตเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลาจึงเป็นเรื่องยากที่นักการตลาดจะหาหลักการใดหลักการหนึ่งเพื่อยึดถือเป็นรูปแบบหลักในการทำการตลาดออนไลน์ ทำให้นักการตลาดมือใหม่จำนวนมากต้องพบเจอกับปัญหาการต้องคอยมาปรับเปลี่ยนกลยุทธ์เพื่อให้สอดคล้องกับอัลกอริทึมและพฤติกรรมของผู้บริโภคอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นการวางแผนการทำคอนเทนต์หรือการทำ Content Plan จึงมีความสำคัญในแง่ของการช่วยให้บรรลุเป้าหมายได้ดีมากขึ้น ในบทความนี้จึงมาแนะนำ 6 ขั้นตอนการทำ Content Plan บนอินสตาแกรม ที่รับรองว่าใครที่กำลังเริ่มทำการตลาดออนไลน์บนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียอยู่สามารถนำไปปรับใช้ได้ทันที 1. กำหนดเป้าหมายของคอนเทนต์ สิ่งแรกที่ควรทำในการทำ Content Plan คือการตั้งเป้าหมายหรือวัตถุประสงค์ของคอนเทนต์ก่อนว่าจะทำอะไร? ไปเพื่ออะไร? ไม่ว่าจะอยากเพิ่มจำนวนฐานผู้ชมให้มากขึ้น การสร้างแรงกระตุ้นให้เกิดการมีส่วนร่วมระหว่างแบรนด์และผู้รับชม หรืออยากสร้างยอดขายให้มากขึ้น

Retargeting เป็นหนึ่งในกลยุทธ์การทำแคมเปญ PPC (Pay Per Click) ที่เป็นการติดตามการใช้งานเว็บไซต์หรือบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียของกลุ่มเป้าหมาย ในการเลือกดูสินค้าหรือบริการของแบรนด์ จากนั้นจะเป็นการยิงโฆษณาเพื่อไปกระตุ้นให้ลูกค้าเห็นในขณะที่กลุ่มเป้าหมายอยู่ในช่องทางออนไลน์อื่นๆ เพื่อเป็นการย้ำเตือนความสนใจให้กลับมาตัดสินใจเลือกซื้อสินค้าหรือบริการของแบรนด์อีกครั้งโดยมากจะเห็นกลยุทธ์นี้ในกลุ่มธุรกิจประเภท E-Commerce เป็นส่วนใหญ่ ปัจจุบันแต่ละแพลตฟอร์มก็มีเครื่องมือที่ช่วยในการทำแคมเปญ Retargeting อย่างหลากหลาย เช่น Dynamic Ads บน Facebook, Official Account Retargeting บน Line

ใครที่เล่น TikTok มาสักพัก แต่ยอด Like และยอด Follower ยังต่ำเตี้ยติดดินอยู่   ในบทความนี้จะมาแนะนำ 7 เคล็ดลับที่จะช่วยการันตียอดไลก์บน TikTok ให้เพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดด โดยเริ่มกันตั้งแต่พื้นฐานอย่างการสร้างวิดีโอที่ดึงดูดความสนใจ เทคนิคการเลือกใช้แฮชแท็กเพื่อขยายการเข้าถึงของผู้ชมที่กว้างขึ้น ไปจนหยิบจับเทรนด์ยอดนิยมมาใช้ให้เกิดประโยชน์ ถ้าพร้อมแล้ว มาดูไปพร้อมกันเลย 7 วิธีเพิ่มยอดไลก์บน TikTok มาลองใช้ 7 เคล็ดลับเหล่านี้ในการปรับปรุงการเข้าถึงของผู้รับชมบนแพลตฟอร์ม TikTok

ไม่ว่าคุณจะใช้ช่องทางใดในการทำการตลาดออนไลน์ หนึ่งในความท้าทายของการทำการตลาดคือจะเลือกใช้แนวทางใดในการทำแคมเปญดี ใครที่กำลังรู้สึกติดขัดและกำลังมองหาไอเดียบางอย่าง ลองดู 5 เทรนด์ต่อไปนี้ที่สามารถนำไปปรับใช้กับแบรนด์ของคุณได้แน่นอน 1.Set The Relevant เข้าใจตัวเอง เข้าใจลูกค้า  ก่อนจะเริ่มต้นแคมเปญใดๆ ก็ตามต้องเริ่มต้นด้วยคำถามที่ว่า “คนดูจะได้อะไรจากสิ่งนี้” เสมอ อาจจะฟังดูเป็นเรื่องการตลาดแบบคลาสสิก แต่ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหนก็ตาม การทำการตลาดแบบเอาใจลูกค้ามาใส่ใจเราก็ยังคงเป็นเรื่องที่สำคัญไม่แพ้เรื่องอื่นๆ  ดังนั้นการตั้งคำถามและหาคำตอบผ่านการรีเสิร์ชพฤติกรรมของกลุ่มเป้าหมาย เพื่อเป็นการอัปเดตข้อมูลให้กับแบรนด์ จะเป็นการ “Personalize” ให้คอนเทนต์มีความเฉพาะเจาะจงกับกลุ่มเป้าหมายได้มากขึ้น 2.ให้ลูกค้ามีส่วนร่วม ถ้าหากทำคอนเทนต์ที่เน้นขายจนเกินไป

มีคำเปรียบเปรยว่าการทำ SEO ในปัจจุบัน เปรียบได้กับการเล่นเกม Open World ที่ถูกออกแบบมาให้ผู้เล่นมีอะไรให้ทำเยอะไปหมด เริ่มต้นด้วยการทำเควสหลักแต่ไปๆ มาๆ จบด้วยการเกิดอาการหลงทางกับเควสรองที่มีเป็นจำนวนมาก เช่นเดียวกับการทำ SEO ในปัจจุบัน เพราะองค์ประกอบในการที่จะทำให้เว็บไซต์ติดอันดับหน้าแรกได้นั้น ไม่ได้มีแค่เพียงอย่างสองอย่างเท่านั้น พูดง่ายๆ ว่าตอนนี้การทำ SEO กลายเป็น“งานที่ล้นมือ” พอปรับปรุงส่วนนี้เสร็จ วันรุ่งขึ้นก็ต้องไปปรับอีกส่วนต่อ เชื่อได้ว่าหลายคนที่เป็น SEO Specialist  จะต้องเจอกับการวนลูปแบบนี้จนมีอาการเบลอไม่มากก็น้อย