Blog

สำหรับใครที่ใช้งาน Google Ads คงคุ้นเคยกับฟีเจอร์ที่ชื่อว่า Google Ads Manager Account หรือก็คือ MCC Account ในชื่อเก่าได้เป็นอย่างดี ซึ่งเป็นฟีเจอร์ที่เหมาะสำหรับนักการตลาดออนไลน์ที่จะช่วยจัดการแคมเปญในบัญชีต่างๆ รวมไปถึงคอยติดตามดูประสิทธิภาพของแต่ละแคมเปญภาย ด้วยการล็อกอินเพียงแค่ครั้งเดียวเท่านั้น ในการอัปเดตล่าสุดสำหรับฟีเจอร์ Manager Account นี้ ถือได้ว่าเป็นการยกระดับขึ้นไปอีกก้าวหนึ่งสำหรับนักการตลาดสมัยใหม่ที่นิยมการทำงานแบบ Multitasking ด้วยการเพิ่มประสิทธิภาพให้กับฟีเจอร์ Dashboards เพื่อให้การทำงานมีความรวดเร็ว สะดวกสบายและใช้งานได้ง่ายมากขึ้น

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา กูเกิลได้แนะนำให้นักพัฒนาเว็บไซต์ใช้งานแท็ก จำนวนหนึ่งสำหรับ Sitemap Extension บนเว็บไซต์ โดยเฉพาะแท็กประเภทรูปภาพและวิดีโอ โดยแท็กส่วนใหญ่ช่วยให้เจ้าของเว็บไซต์ส่งข้อมูลต่างๆ ไปยังอัลกอริทึมของ Google Search ได้มากขึ้น  ลองนึกว่าเว็บไซต์เป็นหนังสือ XML Sitemap ก็เหมือนกับหน้าสารบัญที่จะคอยบอกว่าหน้านี้มีอะไรบ้าง ล่าสุดกูเกิลประกาศว่าจะหยุดการใช้แท็กแผนผังเว็บไซต์แบบรูปภาพและวิดีโอหลายรายการ โดยแท็กที่เลิกใช้แล้วจะไม่มีผลต่อการสร้าง Index หรือส่งผลต่อระบบใดๆ ก็ตามบน Google Search ทันที สำหรับนักพัฒนาเว็บไซต์ที่กำลังเริ่มต้นปรับปรุงเว็บไซต์ในตอนนี้อาจจะต้องเตรียมตัวรับมือกับการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้ของกูเกิลกันใหม่อีกครั้ง

จากการรายงาน Ads Safety Report ประจำปี 2021 ทาง Google พบว่าในปีที่ผ่านมา รายการโฆษณาที่ถูกกูเกิลบล็อกหรือถูกลบออกมีมากถึง 3.4 พันล้านรายการ และตัวเลขของบัญชีผู้ใช้งานที่ถูกแบนยังสูงเพิ่มขึ้นเป็น 3 เท่า จากปีก่อนหน้า ว่าแต่รายละเอียดจะเป็นอย่างไร? และจะมีอะไรที่นักการตลาดต้องเป็นกังวลบ้าง? มาดูไปพร้อมกันในบทความนี้เลย โฆษณา 3.4 พันล้านรายการที่ถูกบล็อก สำหรับ 3 อันดับแรกของประเภทโฆษณาที่โดนกูเกิลบล็อกหรือลบออกมากที่สุด

สถานการณ์โลกในตอนนี้ ไม่ต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินก็รู้ได้ทันทีว่าโลกกำลังอยู่ในสภาวะเศรษฐกิจที่ตกต่ำ ในนิคมอุตสาหกรรมต่างๆ คนงานถูกเลิกจ้างเป็นจำนวนมากจากสาเหตุของการปิดตัวลงของบริษัทขนาดใหญ่ หรือแม้แต่ธุรกิจ SME ขนาดเล็ก – กลาง ก็ยังไปต่อไม่ไหวในหลากหลายอุตสาหกรรม อย่างไรก็ตามในซอกหลืบของเรื่องแย่ๆ ก็ยังมีเรื่องดีๆ เกิดขึ้นบ้าง ในขณะที่ผู้คนส่วนใหญ่ใช้ชีวิตอยู่แต่ภายในบ้านส่งผลให้ยอดขายของอุตสาหกรรมอีคอมเมิร์ซเพิ่มขึ้นถึง 25%  ถึงแม้ตัวเลขต่างๆ จะบ่งชี้ว่าอุตสาหกรรมอีคอมเมิร์ซกำลังอยู่ในช่วงขาขึ้น แต่เชื่อได้เลยว่าผู้ประกอบการธุรกิจอีคอมเมิร์ซส่วนใหญ่ก็ยังคงมีความระมัดระวังในการใช้จ่ายโดยไม่จำเป็น คำถามที่มักจะวนเวียนอยู่ในหัวผู้ประกอบการเสมอคือ “ควรแบ่งงบการตลาดไว้มากน้อยแค่ไหนถึงจะประหยัดที่สุด” สำหรับในบทความนี้นำ 5 วิธีที่จะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายจาก Google Ads

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมากูเกิลได้เพิ่มเครื่องมือหลายอย่างให้กับนักการตลาดเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการวางกลยุทธ์การทำแคมเปญโฆษณา เช่น เครื่องมืออย่าง Smart Bidding ที่เป็นเครื่องมือที่เอาไว้ใช้บิดอัตโนมัติสำหรับกับนักการตลาดที่ต้องการซื้อโฆษณาแบบ PPC แต่ล่าสุดกูเกิลได้พยายามยกระดับการทำงานของนักการตลาดให้ง่ายขึ้นด้วยการประกาศเปิดตัวเครื่องมือใหม่ล่าสุดอย่าง Performance Max ที่กูเกิลเคลมว่าจะช่วยเพิ่มศักยภาพในการสร้างโฆษณาด้วยความสะดวกสบายและประหยัดเวลามากขึ้น โดยสามารถรันแคมเปญโฆษณาผ่านแพลตฟอร์มต่างๆ ในเครือข่ายของกูเกิลได้ภายในคลิกเดียว อย่างไรก็ตาม Performance Max ยังเป็นเครื่องมือที่ค่อนข้างใหม่และยังไม่ได้เปิดให้ผู้ใช้งานอย่างเต็มรูปแบบ แต่กูเกิลจะเริ่มทยอยปรับให้ผู้ใช้งานเริ่มใช้งานได้ในเร็ววันนี้ เพราะฉะนั้นในบทความนี้จึงได้รวบรวมข้อมูล 5 อินไซต์ที่น่าจะเป็นประโยชน์ต่อนักการตลาดมือใหม่และมือเก่าทุกท่าน เพื่อให้พร้อมกับการปรับเปลี่ยนมาใช้งาน Performance Max กัน

สำหรับนักการตลาดหรือแบรนด์ที่ติดตามข่าวสารในแวดวงการตลาดออนไลน์อย่างใกล้ชิด คงพอจะรู้กันมาแล้วบ้างว่ากูเกิลซึ่งเป็นบริษัท Search Engine ยักษ์ใหญ่ของโลกได้ประกาศเปิดตัว “Performance Max” ซึ่งเป็นเครื่องมือตัวใหม่ล่าสุดที่จะเข้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับการสร้างโฆษณาด้วยการใช้ Machine Learning เข้ามาช่วยในการค้นหากลุ่มเป้าหมายและสามารถสร้างโฆษณาแบบอัตโนมัติแถมยังกระจายไปทุกแพลตฟอร์มในการกดเพียงครั้งเดียว ในการอัปเดตล่าสุดนี้กูเกิลได้ประกาศเปิดตัว 3 ฟีเจอร์ใหม่บน Performance Max จะมีอะไรที่ช่วยตอบโจทย์ให้นักการตลาดหรือแบรนด์บ้าง มาดูไปพร้อมกัน 3 ฟีเจอร์ใหม่ของ Performance Max มีอะไรบ้าง?  กูเกิลออกมาเผยแล้วว่าจะมีฟีเจอร์ใหม่ 3