Blog

ใครที่ติดตามข่าวสารในแวดวงแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย คงรู้กันดีว่า Meta ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Facebook หรือ Instagram ที่ในตอนนี้บริษัทกำลังเผชิญภาวะหุ้นร่วงแบบต่อเนื่องตั้งแต่ปลายปี 2021 ด้วยหลากหลายเหตุผลไม่ว่าจะเป็นฟีเจอร์ รายได้ คู่แข่ง จำนวนผู้ใช้ ภาวะเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลก ที่เป็นองค์ประกอบสำคัญที่ทำให้ Meta กำลังเจอกับขาลงอย่างแท้จริง ด้วยเหตุผลต่างๆ ข้างต้นจึงทำให้ Instagram ซึ่งเป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มเครือข่ายของ Meta จำเป็นต้องประกาศเพิ่มเติมจุดโฆษณาอีก 2

สำหรับใครที่เป็นครีเอเตอร์ที่ชอบเล่น TikTok คงคุ้นเคยกับการสร้างสรรค์คอนเทนต์ต่างๆ โดยใช้ฟีเจอร์ Voice Over ในการพากย์เสียงทับลงไปเพื่อสร้างอรรถรสใหม่ๆ ให้กับผู้รับชม แถมยังเป็นการช่วยเพิ่ม Engagement ต่อผู้รับชมอีกด้วย โดยล่าสุด YouTube ก็ได้ประกาศอัปเดตฟีเจอร์ใหม่นี้เพิ่มใน Shorts เช่นเดียวกัน เพื่อเอาใจครีเอเตอร์หรือนักการตลาดให้สามารถสร้างวิดีโอคอนเทนต์ต่างๆ ได้สะดวกและมีประสิทธิภาพที่ดีมากยิ่งขึ้น รายละเอียดในการอัปเดตนี้จะเป็นอย่างไร ในบทความนี้จะพามาเจาะลึกและสอนวิธีการเปิดใช้งานฟีเจอร์นี้กัน ถ้าพร้อมแล้ว ไปดูกันเลย Voice Over ฟีเจอร์ใหม่บน

นอกเหนือจากการปรับปรุงฟีเจอร์ต่างๆ ใน Google Search และ Google Shopping แล้ว (อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ใน กูเกิลประกาศเปลี่ยนแปลงสำคัญ 5 ประการ และ เจาะลึกฟีเจอร์ใหม่ ของ Google Shopping) ในงาน Search On 22 ที่ผ่านมากูเกิลก็มีการประกาศอัปเดตฟีเจอร์ต่างๆ สำหรับ Local Search

“การช้อปปิ้งไม่ใช่แค่การซื้อเท่านั้น (Shopping isn’t about Buying)” ใครที่เป็นสายช้อปปิ้งคงรู้กันดีว่าความสุขในการซื้อของออนไลน์คือการได้เลือก ได้ศึกษาหาข้อมูล ค้นคว้าเปรียบเทียบเพื่อให้แน่ใจว่าจะได้ของหรือสินค้าที่มีความเหมาะสมทั้งในเรื่องของราคาและความชอบมากที่สุด  แน่นอนว่ากูเกิลเข้าใจในเรื่องนี้เป็นอย่างดีทำให้ในงาน Search On 22 กูเกิลจึงไม่พลาดที่จะประกาศ 9 ฟีเจอร์ใหม่บน Google Shopping ที่จะเป็นการมอบประสบการณ์การช้อปปิ้งให้กับผู้ใช้งานให้สะดวกสบายและมีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น อยากรู้ว่ารายละเอียดเป็นอย่างไร Relevant Audience จะพาทุกคนไปเจาะลึกทุกฟีเจอร์กัน ถ้าพร้อมแล้วไปดูกันเลย มอบประสบการณ์การช้อปปิ้งมากขึ้น ค้นหาด้วยคำว่า

ในวงการเสิร์ชเอนจิน ณ ตอนนี้ คงไม่มีใครที่กล้าปฏิเสธว่า “กูเกิล (Google)” เป็นเบอร์หนึ่งของตลาดนี้ และเป็นประจำในทุกๆ ปีที่กูเกิลจะมีการจัดงานอีเวนต์อัปเดตฟีเจอร์ใหม่ๆ รวมถึงแนวทางในการพัฒนา เช่นเดียวกับในปีนี้กับงาน Search On 22 ที่ผ่านมา โดยกูเกิลได้ประกาศฟีเจอร์ใหม่ต่างๆ มากมายเพื่อรองรับความต้องการและพฤติกรรมใหม่ๆ ของผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ต  โดยเฉพาะการค้นหาข้อมูลต่างๆ บน Google Search ผ่านโทรศัพท์มือถือ ที่สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการใช้งานอินเทอร์เน็ตของผู้คนสมัยใหม่ที่นิยมใช้ Mobile

ใกล้หมดปี 2022 ไปอย่างรวดเร็ว เช่นเดียวกันกับโลกของการตลาดออนไลน์ที่มีการเปลี่ยนแปลงไปตามกระแสใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย (Social Media) ที่เปรียบเสมือนเป็นหมัดเด็ดของแบรนด์และนักการตลาดในการทำ Digital Marketing มาอย่างยาวนาน หากย้อนไปสัก 4- 5 ปีก่อนหน้านี้ การพูดถึงโซเชียลมีเดียเชื่อว่าหลายคนอาจจะนึกถึง Facebook หรือ Twitter  เท่านั้น แต่อย่างที่รู้กันว่าในช่วงเวลาสองปีที่ผ่านมามีแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียใหม่ๆ ที่ได้รับความสนใจจากผู้ใช้งานและก่อให้เกิดกระแสในหมู่นักการตลาดและแบรนด์กันเต็มไปหมด  ตัวอย่างที่เห็นได้ชัด เช่น

Search Results Pages หรือ SERPs เป็นหน้าที่แสดงผลลัพธ์ของการค้นหาผ่านการใช้ Google Search ซึ่งเป็น Search Engine ที่ได้รับความนิยมจากผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตทั่วโลกมาหลายทศวรรษ ตั้งแต่ที่กูเกิลเริ่มก่อตั้งอย่างเป็นรูปเป็นร่างในปี ค.ศ. 1998 โลกก็รู้จัก Search Engine ที่เปรียบเสมือนคลังความรู้ของคนสมัยใหม่ที่อยากจะค้นหาอะไรก็ได้เพียงแค่มีอินเทอร์เน็ต ตั้งแต่เริ่มต้นในการค้นหาข้อมูลต่างๆ กูเกิลทำได้แค่เพียงแสดงชื่อหัวข้อ (Title Tag) คำอธิบายรายละเอียดเบื้องต้น (Descriptions)

TikTok แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียยอดนิยม ที่สามารถดึงดูดความสนใจของผู้ใช้งาน GenZ ได้อย่างท่วมท้น หากลองกางดูสถิติการใช้งานในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา (TikTok เป็นแอปฯ ที่ถูกดาวน์โหลดมากที่สุดในปี 2022 อ่านได้ที่นี่) ต้องบอกว่า TikTok เป็นแพลตฟอร์มที่ติดอันดับในทุกโพล (Poll) แสดงให้เห็นถึงการเป็นแพลตฟอร์มที่เข้าถึงผู้ใช้งานทั่วไปได้อย่างง่ายดาย ด้วยอินเทอร์เฟซที่เข้าใจในทันทีได้ไม่ยาก รวมไปถึงฟีเจอร์ต่างๆ ที่ถูกออกแบบมาให้สอดคล้องกับพฤติกรรมการเสพคอนเทนต์ของคนในปัจจุบัน  แต่หากในฐานะของแบรนด์หรือนักการตลาดแล้วต้องบอกว่า TikTok ถือว่าเป็นแพลตฟอร์มที่เต็มไปด้วยเมตริกต่างๆ มากมายที่จะส่งผลต่อการสร้าง

ดูเหมือนว่าการแข่งขันของผู้ให้บริการแพลตฟอร์มออนไลน์ยังคงดุเดือดขึ้นไปทุกที ย้อนกลับไปไม่นานมานี้ในงานประชุม Fortune Brainstorm Tech ที่ Prabhakar Raghavan ซึ่งดำรงตำแหน่งเป็นรองประธานอาวุโสของกูเกิล แสดงความกังวลว่ากลุ่มคน GenZ (ช่วงอายุ 10 – 21 ปี) กว่า 40% ให้ความสำคัญกับการค้นหาข้อมูลใหม่ๆ จากแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียอย่าง TikTok และ Instagram มากกว่าแพลตฟอร์ม Search

ใครที่มีประสบการณ์การทำ SEO คงรู้ดีว่าการจะลบข้อมูลออกจากหน้า SERPs ให้สะอาดแบบหมดจดนั้นเป็นเรื่องที่ค่อนข้างยุ่งยาก จนเผลอปล่อยเลยตามเลยเพราะวิธีการที่แสนจะดูซับซ้อนและวุ่นวาย แต่หารู้ไม่ว่าข้อมูลบางประเภทหากมีการปล่อยทิ้งเอาไว้ก็อาจส่งผลให้การทำ SEO เห็นผลลัพธ์ที่ช้ามากมากขึ้น (อ่านวิธีการลบข้อมูลออกจากหน้า Google Search ได้ที่นี่) ล่าสุดกูเกิลได้ประกาศการอัปเดตฟีเจอร์การลบข้อมูลส่วนตัว (Personal Information) ในหน้า SERPs ได้ผ่านเครื่องมือบน Mobile Device ที่ถูกออกแบบมาให้เข้าถึงแบบฟอร์มคำขอลบ (Removal Request) ได้สะดวกรวดเร็วมากยิ่งขึ้น

จากประกาศล่าสุดบน Blog Post ใน Search Central Blog  โดยกูเกิลระบุว่าจะเริ่มเปิดตัวฟีเจอร์รีพอร์ทหน้า HTTPS ในเครื่องมือ Google Search Console โดยคาดการณ์เอาไว้ว่าอาจจะมีการเปิดตัวอย่างเป็นทางการภายในเวลา 2 – 3 เดือนนับจากนี้  ถือว่าเป็นอีกหนึ่งโซลูชันที่กูเกิลทำการบ้านมาเป็นอย่างดี เนื่องจากก่อนหน้านี้ผู้ใช้งานจำนวนมากมีปัญหาในการตรวจสอบหน้าเว็บไซต์แบบ HTTPS บน Search Console ทำให้ทีมพัฒนาของกูเกิลตัดสินใจที่จะอัปเดตฟีเจอร์รีพอร์ทใหม่ที่จะสามารถแสดงจำนวนเว็บไซต์ที่ถูกจัดทำ

จากการอัปเดต Helpful Content ของกูเกิล (อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ในบทความนี้) ส่งผลให้แบรนด์และนักการตลาดที่ทำ SEO ต้องปรับตัวอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะอย่างที่รู้กันดีว่าอัลกอริทึมของกูเกิลนั้นให้ความสำคัญกับ “People First หรือผู้อ่าน” เป็นลำดับแรกเสมอ ดังนั้นในบทความนี้จะพาแบรนด์และนักการตลาดมือใหม่ทุกคนมาดูเคล็ดลับบางอย่างที่จะนำไปใช้เป็นแนวทางในการสร้างคอนเทนต์แบบที่สามารถเรียกยอด Traffic ได้ดีและยังเป็นการสร้าง Authority ให้กับคอนเทนต์อีกด้วย ทิปส์ดีๆ แบบนี้ไม่ได้มีกันบ่อยๆ ถ้าพร้อมแล้ว ไปดูกันเลย! สร้างคอนเทนต์ให้มี Authority หลายคนคงมีความรู้สึกสงสัยว่าการจะสร้างเนื้อหาคอนเทนต์แบบ