Blog

นักการตลาดทั้งมือใหม่และมือเก่าคงทราบกันอยู่แล้วว่าหนึ่งในกลยุทธ์การทำการตลาดออนไลน์ที่จะช่วยเพิ่มยอดขายให้กับแบรนด์ได้คือการสร้าง Landing Page บนหน้าเว็บไซต์ เพราะหน้า Landing Page ที่ดีเปรียบเสมือนกับพนักงานขายของคนแรกของร้าน ที่ต้องเก่งที่สุด เข้าใจลูกค้าที่สุด เพราะต้องคอยต้อนรับและโน้มน้าวผู้ที่เข้ามารับชมให้กลายมาเป็นลูกค้าของร้านให้ได้ ไม่ว่าจะเป็นการเสนอหนทางในการได้รับข้อมูลจากลูกค้าด้วยการให้กรอก Contact Form ต่างๆ  แต่นักการตลาดมือใหม่หลายท่านอาจยังตั้งข้อสงสัยว่าการทำ Landing Page ให้มีประสิทธิภาพสูงเพื่อให้สามารถสร้างค่า Conversion Rate ที่ดีนั้นสามารถทำได้อย่างไร ในประเด็นดังกล่าว มีงานวิจัยที่น่าเชื่อถือได้รายงานตรงกันว่าประสบการณ์ของผู้ใช้งาน (User

ในปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของผู้คนในการบริโภคคอนเทนต์ออนไลน์ต่างๆ อย่างรวดเร็ว เนื่องจากสถานการณ์โรคระบาดที่เกิดขึ้นเป็นปัจจัยสำคัญในการผลักดันให้แบรนด์ต้องคอยสร้างคอนเทนต์ในรูปแบบต่างๆ มากขึ้นเพื่อให้เข้าถึงพฤติกรรมของผู้บริโภค ในปี 2021 พบว่างบประมาณในการสร้างคอนเทนต์โฆษณาของแบรนด์ต่างๆ เพิ่มขึ้นถึง 43% และคาดการณ์ว่าในปี 2022 จะเพิ่มถึง 66% เรื่องเหล่านี้กลายเป็นประเด็นสำคัญที่ทุกแบรนด์จะต้องศึกษาและเรียนรู้เทรนด์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นช่องทางในการโฆษณาที่เพิ่มมากขึ้น กระแสความนิยมที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ดังนั้นในบทความนี้จะพาไปดู 4 เทรนด์เนื้อหาการตลาดที่หากอยากให้แบรนด์ประสบความสำเร็จในการทำการตลาดออนไลน์ต้องห้ามพลาด 1.ตรงประเด็น มีคุณภาพ และเชื่อถือได้ ในปี 2022 การสร้างคอนเทนต์แบบ

อุตสาหกรรมการตลาดดิจิทัลในปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ทำให้นักการตลาดทั้งมือใหม่และมือเก๋าต้องงัดพลังงานที่มีทั้งหมดมาแข่งขันกับเวลา ด้วยเหตุนี้นักการตลาดจำเป็นต้องมีเครื่องมือที่เป็นตัวช่วยในการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น  เมื่อพูดถึงเครื่องมือในการตลาดดิจิทัล จะพบว่ามีตัวเลือกนับร้อยหรือนับพันอย่างให้เลือกใช้งานตามแต่ละประเภทงานที่ต้องทำ ในบทความนี้จะพาไปทำความรู้จักเครื่องมือการตลาดดิจิทัลที่ได้รับความนิยมสูงสุด 5 อย่าง มาดูไปพร้อมกัน 1.Canva สตีฟ จ็อบส์ ผู้ก่อตั้งบริษัท Apple Inc ผู้ล่วงลับ เคยกล่าวไว้ว่า “ความเรียบง่ายคือความซับซ้อนขั้นสูงสุด (Simplicity is the Ultimate Sophistication)”  Canva ทำให้ผู้ใช้งานสามารถสร้างสรรค์การออกแบบเป็นเรื่องง่าย

สำหรับผู้ใช้งานทวิตเตอร์ที่เป็นแบรนด์หรือครีเอเตอร์คงคุ้นหูคุ้นตากับฟีเจอร์ Twitter Professional กันมาแล้วบ้าง เพราะทวิตเตอร์ได้เปิดให้ผู้ใช้ทั่วโลกเข้าถึงฟีเจอร์นี้ตั้งแต่เดือนตุลาคมปี 2021 พร้อมระบุว่า “ฟีเจอร์นี้เหมาะสำหรับผู้ใช้งานที่เป็นแบรนด์หรือครีเอเตอร์ ที่ต้องการเริ่มต้นในการทำธุรกิจผ่านแพลตฟอร์มทวิตเตอร์” แน่นอนว่าสำหรับผู้ใช้งานที่ได้ลองใช้ฟีเจอร์นี้ไปแล้ว จะพบว่าสามารถเข้าถึงฟีเจอร์ต่างๆ ที่ทวิตเตอร์ออกแบบมาให้เฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นฟีเจอร์ Advance Profile หรือ Promotional Tools โดยทั้งหมดนั้น เข้าใช้งานได้ฟรี ไม่มีคิดเงินเพิ่มเติมแน่นอน ในบทความนี้ Relevant Audience จะมาสอนการใช้งานฟีเจอร์

เทรนด์การรีไซเคิลกำลังได้รับความนิยมในธุรกิจทุกประเภทเพราะมีบทบาทสำคัญในการฟื้นฟูทรัพยากรบนโลก จึงไม่น่าแปลกใจที่ “การรีไซเคิล” จะกลายเป็นหนึ่งในหัวข้อการค้นหาที่ได้รับความนิยมมากที่สุด เช่นเดียวกับกระแสความนิยมของแบรนด์ยักษ์ใหญ่ทั่วโลกที่เริ่มหันมาให้ความสำคัญกับปัญหาสิ่งแวดล้อม ซึ่งกูเกิลตระหนักในเรื่องนี้ดี โดยล่าสุดกูเกิลได้ออกมาประกาศว่ากลุ่มธุรกิจที่ให้บริการรีไซเคิลจะสามารถใช้ฟีเจอร์ป้ายกำกับว่าเป็นธุรกิจเกี่ยวกับการรีไซเคิลได้แล้ว การอัปเดตครั้งนี้ของกูเกิลจะเป็นอย่างไร มาดูไปพร้อมกัน ฟีเจอร์ใหม่ ป้ายกำกับหมวดหมู่รีไซเคิล จากปัญหาสิ่งแวดล้อมที่กำลังเป็นกระแส ทำให้ผู้คนทั่วไปตื่นตัวในการคำนึงถึงเรื่องปัญหาสิ่งแวดล้อมที่มากขึ้น แต่จนถึงขณะนี้ก็ต้องยอมรับว่าหลายคนยังประสบปัญหากับการหาว่าในละแวกใกล้เคียงที่อยู่อาศัยมีผู้ประกอบการที่ให้บริการรีไซเคิลอยู่หรือไม่ กูเกิลระบุว่า “เพื่อแก้ปัญหาการเข้าถึงร้านที่ให้บริการรีไซเคิลอย่างยากลำบากของผู้คนในปัจจุบัน เราได้อัปเดตฟีเจอร์ป้ายกำกับที่เป็นหมวดหมู่เฉพาะขึ้นมา โดยหากร้านไหนที่มีการให้บริการรีไซเคิลก็สามารถเพิ่มรายละเอียดลงใน Google Business Profile ได้ทันที ซึ่งจะทำให้ผู้คนทั่วไปสามารถค้นหาจุดรีไซเคิลในบริเวณใกล้เคียงบนหน้า SERPs และ

ในการแข่งขันการตลาดออนไลน์ปฏิเสธไม่ได้ว่าเว็บไซต์เป็นหนึ่งในเครื่องมือทางการตลาดที่ทรงพลังที่สุด ด้วยบทบาทหน้าที่ที่มีความสำคัญในกลยุทธ์การตลาดของธุรกิจเกือบทุกประเภท ตั้งแต่บริษัทระดับโลกไปจนถึงบริษัทสตาร์ทอัพขนาดเล็กที่มีการดำเนินงานเพียงคนเดียว หนึ่งในเหตุผลสำคัญคือ เว็บไซต์เปรียบได้กับพื้นที่ที่รองรับผู้คนที่หลากหลายให้เข้ามาเลือกหยิบจับสิ่งที่ต้องการ ในขณะเดียวกันก็คอยโน้มน้าวด้วยการเสนอข้อมูล ผลิตภัณฑ์ หรืออะไรก็ตามที่กระตุ้นต่อมความอยากได้อยากมีของผู้คนทั่วไป จึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจที่กลุ่มธุรกิจทุกระดับ ต่างลงทุนเม็ดเงินมหาศาลไปกับการทำเว็บไซต์ อย่างไรก็ตามการลงทุนที่สูงย่อมไม่ได้หมายความว่าจะได้รับผลตอบแทนที่คุ้มค่าเสมอไป  เริ่มต้นด้วยข้อมูล ในการประเมินว่าควรปรับปรุงหรือเปลี่ยนแปลงส่วนใดของเว็บไซต์ ไม่ใช่ว่าจะเลือกปรับเปลี่ยนตามใจได้ทันที เพราะหากอยากให้เว็บไซต์มีการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นย่อมต้องมีข้อมูลที่ดีเป็นจุดเริ่มต้นในการคอยกำหนดทิศทาง  หลายคนอาจคุ้นเคยกับการตรวจสอบข้อมูลอินไซด์ของเว็บไซต์ตัวเองอยู่บ่อยครั้ง แต่ที่จริงแล้วข้อมูลเว็บไซต์เป็นอะไรที่เข้าถึงได้ไม่ยาก ตัวอย่างเช่น หากเว็บไซต์เป็น E-Commerce ที่ถูกสร้างขึ้นบนแพลตฟอร์ม Shopify ก็เป็นเรื่องง่ายในการตรวจสอบข้อมูลเพราะตัวแพลตฟอร์มมีการติดตั้งเครื่องมือที่ช่วยประเมินเรื่อง Data-Analytics มาให้อยู่แล้ว